Meta เป็นบริษัทโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีผู้ใช้มากกว่า 3.58 พันล้านคนทั่วโลก เตรียมให้ผู้ใช้ Facebook และ Instagram แสดงและแลกเปลี่ยน NFT บนพื้นที่ 2 แพล็ทฟอร์มดังกล่าว เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนมีส่วนร่วมในการเข้าถึงโลก Metaverse มากขึ้น
ตามรายงานของ Financial Times ระบุถึง Meta บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดียที่อยู่เบื้องหลัง Facebook และ Instagram กำลังเตรียมที่จะเปิดตัวฟีเจอร์ที่จะให้ผู้ใช้แสดง NFT ในบัญชีโซเชียลมีเดียของพวกเขา โดย NFT เป็นสินทรัพย์โทเค็นที่อยู่บนบล็อคเชน เช่น Ethereum หรือ Solana ซึ่ง NFT ดังกล่าวนั้นสามารถครอบคลุมศิลปะดิจิทัล ในหลากหลายรูปแบบทั้ง ดนตรี มีม หรือเนื้อหาสร้างสรรค์ประเภทอื่น ๆ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวเริ่มเขามาสู่กระแสหลักในปี 2564
แหล่งข่าวที่ไม่ขอเปิดเผยความเป็นส่วนตัว กล่าวกับ Financial Times ว่า Meta กำลังทดสอบระบบ Beta ของการสร้างพื้นที่ซื้อขาย NFT เพื่อให้ผู้ใช้สามารถซื้อ ขาย และสร้าง NFT ได้ มีรายงานว่ามีการตั้งค่าให้เพิ่มฟังก์ชันสนับสนุน NFT ในโปรไฟล์ผู้ใช้ รายงานไม่ได้ระบุเครือข่ายบล็อคเชนที่ Meta จะใช้สำหรับตลาดซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายมั่นใจได้ ซึ่งอาจครอบคลุมหลากหลายมากขึ้น
อย่างไรก็ดีหาก Meta สร้างตลาด NFT ตามข่าวลือจริง อาจเกิดเป็นสงครามการแย่งชิงพื้นที่กับผู้ให้บริการรายเดิม ซึ่งจะเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก OpenSea ซึ่งเป็นตลาดชั้นนำที่มีการซื้อขายมากกว่า 14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2564 นอกจากนี้ จากการประกาศของ Coinbase ระบุว่าเตรียมที่จะมีการกำหนดเปิดตัวตลาด NFT ในไม่ช้าหลังจากการแลกเปลี่ยน crypto อื่น ๆ ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วว่าจะมีการออกแบบให้พื้นที่ดังกล่าวนั้น “สำหรับการมีส่วนร่วมทางสังคม” นอกจากนี้ในสัปดาห์ อาจมีการออกประกาศในการอนุญาตให้ชำระเงินด้วย Mastercard ได้อีกด้วย ขณะเดียวกันทาง Reddit เองก็กำลังอยู่ในช่วงของการมองหาโอกาสในการสร้างพื้นที่ซื้อขาย NFT ของตัวเองด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ Meta เป็นบริษัทโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยครอบคลุม 3 แพล็ตฟอร์มยักษ์ได้แก่ Facebook , Instagram และ WhatsApp โดย ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 มีผู้ใช้อย่างน้อย 3.58 พันล้านคนทั่วโลก ตามรายงานของ Meta ที่ประกาศรุกธุรกิจเข้าสู่ NFT บ่งชี้ว่าอาจเป็นกลยุทธหนึ่งที่จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาหลักสำหรับการยอมรับในวงกว้างและช่วยให้การใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นที่นิยม ในขณะที่ครีเอเตอร์เป็นศิลปินในการสร้างรายได้จากงานของพวกเขา และอาจเป็นหนทางผลักดันให้การสร้างผลประกอบการให้เพิ่มมากขึ้น ในระหว่างที่ยังไม่สามารถใช้ Diem สกุลเงินดิจิทัลของ Meta ได้