ชักเริ่มหนาวๆ ขึ้นมามั่งแล้ว…สำหรับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ซึ่งไม่ว่าจะหนาวในระดับไหนต่อระดับไหน อย่างมาก…คงพอได้เห็นแค่ “แม่คะนิ้ง” หรือ “พ่อคะน้า” เกาะอยู่ตามยอดไม้ ใบไม้ อะไรทำนองนั้น โอกาสจะไปถึงขั้นหิมะตก ชนิดเล่นเอาหำหด ไข่หดกันไปทั้งบ้าน ทั้งเมือง ยังไงๆ…คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ!!!

ด้วยเหตุนี้…ปิดฉากเบาๆ สบายๆ ในสัปดาห์นี้ คงต้องขออนุญาตแวะไปแถวๆบรรดาประเทศซีกโลกภาคเหนือแถวๆ ยุโรปนั่นแหละ น่าจะเหมาะกว่า อันเป็นอาณาบริเวณพื้นที่ที่ออกจะหนาวสุดๆ กันมาโดยตลอด ทั้งหิมะตก ทั้งลมหนาวทะลักหลั่งพรั่งพรูกรูกันมาอย่างเป็นระลอก ระดับเล่นเอาใครที่คิดจะ “ปัสสาวะ” อาจถึงขั้นต้องเตรียมตัว “เด็ดทิ้ง” เอาเลยก็เป็นได้ เพราะภายใต้ภาวะแห่งความหนาวสุดหนาวในระดับที่ว่านี้ บรรดาชาวยุโรป หรือชาวอียู อีย้วยทั้งหลาย ย่อมหนีไม่พ้นต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรค ไม่รู้จะกี่เรื่อง ต่อกี่เรื่อง ซึ่งล้วนแล้วแต่น่าห่วงใย น่าเวทนาและสงสาร ไปด้วยกันทั้งสิ้น…

ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่การสู้กับเชื้อไวรัสโควิด สู้กับภาวะเงินเฟ้อ สู้กับรัสเซีย รวมทั้งหนีไม่พ้นต้องสู้กับความหนาวในขณะที่ราคาแก๊ส ราคาพลังงาน ในแต่ละประเทศ สุดจะแพงแสนจะแพงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ฯลฯ เรียกว่า…แค่เฉพาะแต่กรณีแรก คือการสู้กับการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 เพียงกรณีเดียวเท่านั้น ก็แทบตายแล้ว!!! อย่างที่ผู้บริหารยูเอ็นสาขายุโรปได้ออกมาคาดเดา ทำนายทายทักไว้เมื่อไม่ถึงเดือนที่ผ่านมานั่นแหละว่า ด้วยเหตุเพราะการหวนกลับไปเป็น “ศูนย์กลางแห่งการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19” รอบใหม่ อาจส่งผลให้ภายในช่วงฤดูหนาวคราวนี้…โอกาสที่บรรดาชาวยุโรปทั้งหลายอาจต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง เพราะเชื้อไวรัสดังกล่าว ระดับ 500,000 คน หรือครึ่งล้านราย เอาเลยก็ไม่แน่…

โดยการคาดเดา ทำนายทายทักในลักษณะที่ว่า เกิดขึ้นก่อนจะเกิดข่าวคราวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตัวใหม่ อย่างเชื้อ “โอมิครอน” ซะอีกต่างหาก คือเฉพาะแค่เจอกับเชื้อ “เดลตา” ก็น่าเกลียด น่ากลัวพอสมควรแล้ว หากต้องเจอกับเชื้อที่ว่ากันว่าแพร่ระบาดได้รวดเร็วซะยิ่งกว่าเชื้อตัวเดิมถึง 3 เท่า 4 เท่าเป็นอย่างน้อย บรรดาชาวยุโรปที่ไม่ค่อยชอบสวมหน้ากาก ไม่คิดจะเว้นระยะห่าง ใครที่คิดข่มขู่ บังคับ อาจต้องเจอกับการประท้วงชนิด “ทะลุแก๊ส-ทะลุฟ้า” ตามลักษณะอุปนิสัย วาสนา และสันดาน ที่มีแต่ต้อง “เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ” กันไปโดยตลอดได้เสมอๆ ดังนั้น…โอกาสที่จะเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง กันเป็นล้านๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาซะเลย…

แถมระหว่างที่ต้องสู้กับเชื้อโควิด ไม่ว่าสายพันธุ์เดลตา หรือโอมิครอน ก็ตาม…ยังต้องหันมาสู้กับ “ภาวะเงินเฟ้อ” ที่ออกจะหนักหน่วงรุนแรง ไม่น้อยไปกว่าพันธมิตรเคียงบ่า-เคียงไหล่ อย่างคุณพ่ออเมริกามากมายสักเท่าไหร่ ต้องเจอกับภาวะข้าวของแพง ขณะที่ “รายได้” หรือจำนวนกะตังค์ในกระเป๋ากุงเกง ไม่ได้ถูกเพิ่มเติมให้สามารถไล่ทันระดับราคาสินค้าในแต่ละประเภทแต่อย่างใด โดยเฉพาะ “ราคาพลังงาน” หรือราคาแก๊สธรรมชาติ ที่เอาไว้ผลิตไฟฟ้าเพื่อช่วยป้องกันความเหน็บ ความหนาว ซึ่งพุ่งระเบิดเถิดเทิงชนิดไม่คิดจะเหี่ยวปลายบ้างเลย จนถึง ณ ขณะนี้ ส่งผลให้ราคาไฟฟ้าที่ใช้ๆ กันในหมู่ชาวยุโรปทุกวันนี้ ว่ากันว่า…เพิ่มขึ้นกว่าแต่เดิมถึง 5 เท่า เป็นอย่างน้อย…

อีกทั้งยังต้องประสบกับภาวะขาดแคลนพลังงาน อันเนื่องมาจากความพยายามในแง่ดี ที่จะหันไปหา “พลังงานสะอาด” หรือพลังงานที่ไม่ใช่ประเภท “ฟอสซิล” ทั้งหลาย คิดเลิกใช้ถ่านหิน เลิกใช้น้ำมัน อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ เช่น พยายามห้ามไม่ให้รถยนต์ที่เติมน้ำมันดีเซลวิ่งไป-วิ่งมาในถนนภายในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้าอะไรประมาณนั้น ฯลฯ พยายามหันมาใช้พลังงานลม แสงอาทิตย์ พลังงานนิวเคลียร์ ฯลฯ กันแทนที่ แต่เผอิญมันอาจไม่ได้ “สมดุล” กับจังหวะ เวลา หรือกับ “ข้อเท็จจริง” มากมายสักเท่าไหร่ เมื่อเจอกับลมหนาวกรูเข้ามาหนักๆ อย่างน้อย…การผลิตไฟฟ้าโดยอาศัย “แก๊สธรรมชาติ” จากรัสเซีย ย่อมถือเป็น “ความจริงที่เอ็งมิอาจปฏิเสธ” อะไรทำนองนั้น…

แต่เผอิญอีกนั่นแหละ…จะด้วยแรงยุ แรงเชียร์ แรงกล่อมเกลา โน้มน้าว ระดับไหนต่อระดับไหนของคุณพ่ออเมริกาก็แล้วแต่ ที่สามารถปลุกกระตุ้นความ “กลัวรัสเซีย” อันเป็นอุปทาน ความเชื่อ ที่เคยมีมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหายังใส่กางเกงหูรูด หรือตั้งแต่ยุคสมัย “ซาร์” สมัยคอมมิวนิสต์ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้กลับมามีบทบาทได้อีก ส่งผลให้การแสดงออกถึงความเป็นปฏิปักษ์ หรือความเป็นศัตรูกับรัสเซีย ที่เป็นผู้จัดส่งแก๊สธรรมชาติให้กับยุโรปทั้งยุโรปมาโดยตลอด จึงมีแต่แรงขึ้น…แรงขึ้น!!! ไปตามลำดับ ดูได้จากความตึงเครียดและการเผชิญหน้าแถวๆ โปแลนด์ ยูเครน หรือเบลารุส ฯลฯ ช่วงระหว่างนี้ ก็คงพอนึกภาพได้ไม่ยากส์ส์ส์ และนั่นเอง…ที่ทำให้โอกาสจะนำเอาแก๊สธรรมชาติจากรัสเซีย มาช่วยบรรเทาความหนาว ความเหน็บ ที่กำลังกรูเข้าใส่ยุโรปทั้งยุโรปในช่วงนี้ จึงเป็นอะไรที่ลำบากยิ่งขึ้นไปอีก…

ถึงขั้นที่ “CEO” บริษัทค้า-ขายสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลก “Trafigura” อย่าง “นายJeremy Weir” ถึงกับคาดๆ เอาไว้ว่า การขาดแคลนแก๊สธรรมชาติจากรัสเซีย อาจส่งผลให้ “ไฟฟ้าดับ” กันไปเป็นเมืองๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!! แม้พยายามหาหนทางประหยัด หาทางลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า ด้วยการชะลอการผลิตของโรงงานต่างๆ แต่นั่น…กลับยิ่งส่งผลให้เกิดการว่างงาน การซ้ำเติมสภาพชีวิตช่วงภาวะเงินเฟ้อ ให้หนักหนาสาหัสยิ่งขึ้นไปอีก แต่ครั้นจะไปเจรจาซื้อ-ขายแก๊สในระยะสั้นๆ กับรัสเซีย เพื่อไม่ให้เกิดการ “พึ่งพา” หมีขาวตัวนี้มากมายเกินไปนัก หรือไม่ต้องการให้รัสเซียอาศัย “พลังงานเป็นอาวุธ” แบบที่เรียกว่า “Energy Weapon” อะไรทำนองนั้น ประธานาธิบดีรัสเซีย “วลาดิมีร์ ปูติน” ท่านก็เคยพูดๆ ไว้นานแล้วว่า สินค้าอย่างแก๊สธรรมชาตินั้น ใช่จะเป็นสินค้าธรรมดาซะที่ไหน? ในเมื่อขุดเมื่อสูบขึ้นมาแล้วก็คงต้องใช้ จะไปเก็บกักแบบพืช ผัก ผลไม้ แบบน้ำมัน คงลำบาก ดังนั้น…ถ้าหากยุโรปไม่คิดเซ็นสัญญาระยะยาว เพื่อให้รัสเซียส่งแก๊สธรรมชาติผ่านโครงการท่อแก๊ส “Nord Stream 2” ที่อุตส่าห์ลงทุน ลงแรงอย่างมากมายมหาศาล แถมบริษัทยุโรปบางบริษัทยังถูก “แซงชั่น” โดยคุณพ่ออเมริกาในข้อหาร่วมมือกับรัสเซียซะอีกต่างหาก รัสเซียก็คงหนีไม่พ้นต้องหันไปส่งแก๊สให้จีน หรือหันไปมุ่งตลาดเอเชียกันแทนที่ ส่วนยุโรปคงต้องปล่อยให้ “แข็งตาย” กันไปตามเรื่อง ตามราว…

อันนี้นี่แหละ…เลยทำให้บรรดาประเทศในยุโรป ต่างต้องปวดเศียรเวียนเกล้า พร้อมๆ กับหนาวสุดหนาว ชนิดอาจต้องแข็งกันไปเป็นแท่งๆ เป็นประเทศๆ เอาเลยก็เป็นได้ ยิ่งความกลัวรัสเซีย หรือความเป็นปฏิปักษ์กับรัสเซีย ยิ่งถูกแสดงออกยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ทุกสิ่งทุกอย่าง…ก็ยิ่ง “หนาวว์ว์ว์แสนหนาวว์ว์ว์” ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ไม่เพียงแต่ต้องเจอกับโควิดเดลตา โควิดโอมิครอน ที่อาจต้องตายกันไปเป็นล้านๆ ต้องเจอกับอาการกระเป๋าแบนแฟนทิ้ง เพราะภาวะเงินเฟ้อที่ไม่ใช่แค่ชั่วครั้ง ชั่วคราว แต่ทำท่าว่าอาจกลายเป็น “วงจรอุบาทว์” เป็น “The wage-price spiral” เอาเลยก็ไม่แน่ แถมยังต้องเจอกับความหนาวของอุณหภูมิ-อากาศ โดยมีเพียงแค่ความโกรธ ความเกลียด และ “ความกลัวรัสเซีย” เท่านั้น ที่พอเป็นเชื้อไฟ เชื้อเพลิง ช่วยให้เกิดพลังงานขับเคลื่อนภายในร่างกายได้มั่ง…

งานนี้…ก็เลยเป็นอะไรที่น่าห่วงใย น่าเวทนา และน่าสงสาร อย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละ ทั้งๆ ที่แค่หันมาทบทวน ใคร่ครวญพิจารณาถึงอารมณ์-ความรู้สึก อันมีที่มาจากการถูกยุแยงตะแคงรั่ว ถูกครอบงำ ถูก “ปรุงแต่ง” ขึ้นมาโดยผู้อื่น ให้แจ่มแจ้ง ชัดเจน หรือเพียงแค่ลด “อัตตา” ความเป็นตัวตนของตนลงไปแค่ไม่กี่มาก-น้อย โอกาสที่จะ “อยู่ร่วมกันโดยสันติ” กับเพื่อนร่วมโลก เพื่อนร่วมวัฏสงสารทั้งหลาย โดยไม่ต้องทนหนาว ทนเหน็บ ไม่ต้องกรีธาทัพไปเผชิญหน้า ไปแสดงความเป็นปฏิปักษ์กับใครต่อใคร ย่อมต้องมีความเป็นไปได้เช่นนั้นนั่นเอง…

By admin